วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554



ครองแผ่นดินโดยธรรม

อัญเชิญพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ทุกบ้านทุกถิ่น ภูเขาทุกดอยทุกดง
หุบเหวทุ่งนาไพรพง  ทุกเขื่อนคลองที่ทุกข์ทน
หากแผ่นดินนั้นเป็นไทย เสด็จไปถึงทุกชั้นชน
ดังสายฝนโปรยปรายให้คลายทุกข์เข็ญ
น้ำพระทัยกว้างใหญ่มหาศาล  ทรงงานมิเคยว่างเว้น
พระราชทานความร่มเย็น  ด้วยแนวคิดอันยั่งยืน

พระองค์ทรงเป็น ตาน้ำของแรงบันดาลใจ
ยามทุกข์ยามท้อเมื่อใด พระราชนิพนธ์สอนสั่ง
เมื่อตกลงไปในน้ำ อย่ามัวถามเมื่อไรจะถึงฝั่ง
จงว่ายไปด้วยพลัง ว่ายด้วยธรรมของความเพียร
แม้นยามใดบ้านเมืองจะมืดมน เหลือแต่หนทางเดินที่วนเวียน
พระราชดำรัสดังแสงเทียน ส่องให้เห็นถึงปลายทาง

ทุกย่านทุกหย่อมย่อมมีบ้างความแตกต่าง
ศาสนาพูดจาท่าทาง วัฒนธรรมท้องถิ่น
หลากหลายในชาติเชื้อพันธุ์ มารวมกันบนแผ่นผืนดิน
จงรักต่อพระภูมินทร์และแผ่นดินนี้
แม้ว่าความแตกต่างจะมากมาย แต่ในใจยังรักและสามัคคี
หนึ่งคำที่ทำให้คิดดี คือมีในหลวงองค์เดียวกัน

***ครองแล้วทรงครองแผ่นดิน ครองหัวใจไทยทั้งแผ่นดิน 
ธ ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจไทยทุกดวง 
เราผองคนไทยจึงมารวมกัน เปล่งเสียงจากใจถวายพระพร 
ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ



นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ 
จนถึงพุทธศักราช 2549 ในปัจจุบัน รวมระยะเวลา 60 ปี เพราะเหตุใดพระมหากษัตริย์พระองค์นี้
จึงเป็นที่รักใคร่แห่งปวงพสกนิกร
คำถามเช่นนี้มิยากนักที่จะหาคำตอบ เพียงแต่ท่านเดินออกไปนอกบ้าน แล้วถามใครสักคนที่ผ่านมา 

จะพบว่าพวกเขาหรือแม้แต่ตัวท่านเองมีคำตอบอยู่แล้วในใจและอยากพูดออกไป


"ท่านเป็นครู เป็นทุกอย่างของแผ่นดิน หากดิฉันทำการสนองพระราชดำริอันใดได้ก็จะปฏิบัติให้ได้เต็มที่
ต็มกำลัง" ซัลมา เซ็นหลวง อายุ 30 ปี อาชีพ ครูสอนเด็กเล็กอิสลาม ชุมชนมุสลิมบ้านป่า


"ยายขนลุกไปหมดเลย เมื่อรู้ว่าพระรูปนั้นเป็นในหลวง ปลื้มใจที่สุด คิดว่านี่เป็นบุญสูงสุดของเราแล้ว 
ที่ได้พบกับท่าน" นาง สุมน รามรสูตร อายุ 80 ปี บุคคลในภาพถ่าย (รูปในหลวงเสด็จบิณฑบาต)


นั่นคือส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของพสกนิกรได้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์ของพวกเขา


ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกล่าวไว้ว่า “...ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่า
พระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใดที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าของให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆทรงครองแผ่นดิน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรงครองหัวใจคน...”






พระมหากษัตริย์องค์นี้จึงเป็นที่พึ่งให้กับพสกนิกรมากกว่า 60 ปี ตลอดระยะเวลาครองราชย์ที่ยาวนานที่สุดในโลก


"ถ้าประชาชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งประชาชนได้อย่างไร


นี่คือถ้อยคำที่พระองค์ตรัสตอบในพระราชหฤทัย เมื่อทรงได้ยินเสียงตะโกนแทรกท่ามกลางเสียงโห่ร้องถวายพระพรของกลุ่มพสกนิกร ผู้มารอเฝ้าฯรับเสด็จขณะเสด็จนิวัตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า "ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน"
พระองค์มิทรงนึกตอบแต่เพียงในพระราชหฤทัยเท่านั้น การปฏิบัติของพระองค์เป็นตัวอย่างอันดียิ่งสำหรับนำไปปฏิบัติตา
ม 


ดังเช่นเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ท่านได้พระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาด้วยปรัชญาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาดังกล่าวเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตโดยมีความพอประมาณอย่างมีเหตุผล ยึดทางสายกลาง และแนวคิดนี้สามารถใช้ได้กับทุกคนทุกฝ่าย ดังพระบรมราโชวาทที่พระองค์พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยในตอนหนึ่งที่ว่า... 
"...การที่จะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าเรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน..."






แม้พระองค์จะทรงมีฐานะอยู่เหนือการเมืองและทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของไทย 
ตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อกฎหมายต่างๆที่ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว 
พระองค์ก็จะมีพระราชวินิจฉัยก่อนที่จะลงพระปรมาภิไธย ในยามที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่มีการปะทะกัน มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต และแม้แต่วิกฤติขัดแย้งในช่วงปัจจุบันขณะ สถานการณ์คลี่คลายลงได้ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
ผลแห่งการปฏิบัติที่ลุเข้าสู่ปีที่ 60 คงจะพอตอบคำถามหากผู้ใดนึกคิดสงสัยว่าเหตุใด และเหตุใด "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
"





ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปวงพสกนิกรทั้งหลายขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านานเทอญ 
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


เรื่องราวและรูปภาพ จากบันทึกของคุณพุทธมนต์ คคนัมพร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น