วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จะให้ท่านไปอยู่ที่ไหน?


ย้อนไปเมื่อ5 ธันวาคม พ.ศ.2470ได้มีมหาบุรุษถือกำเนิดขึ้นมา 
แม้ตัวบุคคลคนนี้จะไม่ได้ถือกำเนิดในแผ่นดินแม่ แต่ทว่าใครจะไปรู้ได้ว่า
ในอีกหลายปีต่อมาบุคคลผู้นี้จะได้ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินแม่ของตัวเองอย่างที่ไม่มีใครในประเทศนี้จะทำได้เท่านี้มาก่อนในยุคปัจจุบัน 





มหาบุรุษท่านนี้มิได้ถือดาบ ปืน นำทัพออกรบกับข้าศึกศัตรูภายนอกประเทศเยี่ยงบรรพบุรุษของแผ่นดินแม่ของท่านด้วยบ้านเมืองยุคปัจจุบันไม่ได้มีศึกสงครามตีชิงเอาบ้านเอาเมืองเหมือนในอดีตอีกแล้ว หากแต่สิ่งที่มหาบุรุษท่านนี้ใช้เป็นอาวุธนำทัพต่อสู้ฆ่าศึกยุคใหม่ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าข้าศึกศัตรูในสมัยก่อนก็คือ กล้อง แผนที่และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหัวใจที่มีเมตตา ความรัก มีแต่ให้กับประชาชนของท่านโดยท่านมิต้องเอ่ยวาจาใดๆว่ารักประชาชนและท่านก็ไม่เคยเรียกร้องความรักจากประชาชนของท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านเรียกร้องแต่ให้ประชาชนรู้รักสามัคคีเท่านั้นเอง


ข้าศึกศัตรูในสมัยท่านนั่นก็คือความอดอยากหรืออาจจะเรียกว่า
สงครามเศรษฐกิจซึ่งมีความยากลำบากไม่น้อยไปกว่าศึกสงครามสมัยก่อนเลยและข้าศึกอีกด้านหนึ่งก็คือภัยธรรมชาติ ซึ่งก็กำลังเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีว่ามหาบุรุษท่านนี้ต้องสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ60กว่าปีมาแล้วแต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอะไรเลยที่จะมาทำให้มหาบุรุษผู้นี้ย่อท้อในการนำทัพต่อสู้กับความอดอยากและภัยธรรมชาติต่างๆ 




โครงการพระราชดำริต่างๆที่กลั่นออกมาจากหัวใจอันมอบให้ด้วยความรักและเมตตาต่อประชาชนของท่านนั้นน่าจะมาจากแรงบันดาลใจที่ว่า"ความสุขของข้าพเจ้าคือการที่ข้าพเจ้าได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า" อันเป็นเครื่องยืนยันได้ว่ามหาบุรุษผู้นี้ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้เมื่อคราวมีพระปฐมบรมราชโองการว่า
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
หากนับแต่เวลาที่มหาบุรุษท่านนี้ได้ปกครองแผ่นดินแม่มายาวนานกว่า60ปีท่านได้ทำตามสัญญาให้กับประชาชนมาโดยตลอด แม้ยามป่วยหนัก ช่วงที่ต้องสูญเสียมารดาอันเป็นที่รักมหาบุรุษก็หาได้หยุดทำงานให้กับประชาชนของท่านไม่ อย่างคราวน้ำท่วมใหญ่ปี2538 มหาบุรุษท่านนี้กำลังป่วยหนักด้วยโรคหัวใจและท่านก็เป็นปีที่ท่านได้สูญเสียมารดาอันเป็นที่รักของท่านไปอย่างไม่มีวันกลับ ภาพที่เห็นคือการมหาบุรุษกำลังประชุมวางแผนกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างมุ่งมั่นด้วยดวงตาที่ไม่ย่อท้อทั้งที่ตัวเองก็ยังป่วยอยู่


บ้านของมหาบุรุษท่านนี้แปลกกว่าองค์ประมุขประเทศอื่นๆคือมีนา บ่อเลี้ยงปลา ฟาร์ม ปศุสัตว์ โรงปุ๋ยหมัก และอื่นๆอีกมากมาย 
บ้านของมหาบุรุษท่านนี้เต็มไปด้วยโครงการทดลองต่างๆมากมายเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนของท่านก่อนจะมีการเผยแพร่ให้ประชาชนท่านได้ใช้บ้านของท่านนั่นเองเป็นที่ทดลอง ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อประโยชน์ของประชาชน ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของคนแผ่นดินแม่ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเชื่อชาติไหน อพยพมาจากประเทศอะไร นับถือศาสนาอะไร สีอะไรท่านก็ช่วยเหลือโดยไม่เกี่ยงงอนเพราะ
 ท่านไม่เคยแบ่งประชาชนของท่านเป็นสี เป็นศาสนาหรือเชื้อชาติไหนเพราะทุกคนคือลูกของท่านทั้งหมดไม่ว่าจะชอบหรือเกลียดท่านก็ตาม




สิ่งต่างๆที่มหาบุรุษท่านนี้ได้ทำให้กับประเทศไทยไม่ได้น้อยกว่าใครหรือตระกูลไหนมาอย่างยาวนานถึง60กว่าปีจนแม้ถึงวันนี้วันที่ท่านมีอายุใกล้จะ84ปีแล้วในอีกไม่กี่เดือน ถ้าเทียบแล้วก็เลยวัยเกษียรมาเกือบ24ปีแล้วแต่ท่านก็เกษียรไม่ได้เลยในเมื่อประชาชนของท่านยังลำบาก ยังอดอยาก ยังทุกข์จากภัยธรรมชาติ 
ซ้ำร้ายกว่านั้นประชาชนของท่านยังมาแบ่งสีแบ่งฝ่ายกันเอง จากการยุยงของคนบางกลุ่มบางพวกเพียงเพราะหวังอำนาจนั่นเอง

วันนี้คำว่าทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกำลังถูกคนบางกลุ่มแบ่งแยก กีดกันไม่ให้เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกต่อไปแต่กำลังไปเป็นทหารของกลุ่มของตนเพื่อจะได้คงอำนาจของตนไว้
 วันนี้คำว่าข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้หายไปกลายไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อสนองัณหาของคนบางกลุ่ม นักการเมืองบางกลุ่ม นักเคลื่อนไหวบางกลุ่ม ซ้ำร้ายกว่านั้นคำว่าพสกนิกรของในหลวงก็กำลังถูกทำให้หายไปจากแผ่นดินสยามจากบุคคลบากกลุ่มที่กำลังจาบจ้วงท่านอย่างรุนแรง 
ให้ร้ายต่างๆนาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งและยังขยายตัวอยู่เรื่อยๆโดยทีท่าน
ไม่สามารถออกมาปกป้องพระเกียรติยศของท่านได้เพราะไม่อยู่ในฐานะที่จะทำได้ 
ไม่สามารถที่จะมาฟ้องร้องพสกนิกรของพระองค์ได้เพราะหัวใจของพระองค์ไม่คิดที่จะเป็นความกับพสกนิกรของพระองค์ เพราะหัวใจของท่านนั้นให้กับพสกนิกรของพระองค์มาตั้งแต่เมื่อ60กว่าปีแล้ว



วันนี้คนบางกลุ่มที่ไม่เคยทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินนี้เลย แต่ตอนนี้กำลังฮึกเหิมโจมตีท่านอย่างหนักหน่วงและรุนแรงทั้งอย่างเปิดเผยและลับ 
พวกเขาต้องการขับไล่มหาบุรุษท่านนี้ออกจากแผ่นดินแม่ของท่าน
แผ่นดินที่บรรบุรุษตระกูลของท่านก็ปกปักรักษาด้วยเลือดและชีวิตไม่น้อยไปกว่าตระกูลอื่น
 ในขณะที่บุคคลที่โจมตีท่านไม่เคยทำคุณให้กับแผ่นดินนี้เลย กลับแต่จะสร้างความแตกแยกให้คนในชาติ แบ่งสีแบ่งฝ่าย ด้วยหวังในลาภยศอำนาจวาสนา โดยมินำพาเลยว่าขณะนี้ประเทศชาติกำลังประสบภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงและมหาบุรุษท่านก็ชราและเจ็บป่วยมากไม่มีกำลังที่จะออกนำทัพต่อสู้กับภัยพิบัติธรรมชาติได้อย่างแต่ก่อนแต่ท่านก็ยังทำงานและยังคอยช่วยเหลือตามสภาพสังขารของท่านเท่าที่จะทำได้ 

บุคคลเหล่านี้กำลังจะแยกประชาชนออกจากมหาบุรุษท่านนี้ กำลังทำให้ท่านกับประชาชนอยู่ห่างไกลกันทั้งที่ตลอด60กว่าปีที่ผ่านมาท่านโน้มกายเข้าหาประชาชนทุกหมู่เหล่ามาตลอดอย่างที่ได้เห็นกันมาตลอด แต่วันนี้ท่านกำลังถูกจับแยกออกจากประชาชนเสียแล้ว





ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่มหาบุรุษท่านนี้ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ มาแทบตลอดชีวิตด้วยความวิริยะอุตสาห ด้วยความยากลำบาก ต้องทนอดหลับอดนอนอยู่จนดึก ไม่ได้มีวันหยุดเหมือนคนอื่นเขาแม้ยามป่วยก็ยังต้องทำงาน ต้องอ่านตำราทั้งไทยและเทศด้วยดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวเพื่อค้นคว้าทดลองเพื่อนำมาเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชน ต้องเดินบุกป่า บุกเขาไปยังหนทางทุรกันดารในที่ต่างๆทั่วทั้งประเทศเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็หลายครั้ง ลุยน้ำ เพื่อหวังจะไปทำชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ ไกล ทุรกันดารเพียงไหนแต่ก็หาหยุดหัวใจของมหาบุรุษท่านนี้ได้ไม่ 
แต่วันนี้วันที่มีคนมาโจมตีท่าน ให้ร้ายท่าน มาแยกประชาชน ทหาร ข้าราชการให้ออกห่างจากท่าน กลับไม่มีใครที่จะปกป้องมหาบุรุษท่านนี้ที่วันนี้ชราภาพและยังป่วยอยู่ให้พ้นภัยไปได้
 วันนี้หลายคนกำลังนิ่งเฉยปล่อยให้มหาบุรุษท่านอยู่เพียงลำพังกับครอบครัวของท่านเท่านั้น ท่านกำลังถูกโดดเดี่ยว กำลังถูกขับให้ออกจากแผ่นดินแม่ที่ท่านและบรรพบุรุษก็ได้ปกปักรักษามา
 วันนี้คนไทยกำลังลืมในสิ่งที่ท่านทำประโยชน์ไว้ให้แต่กับไปหลงใหลได้ปลื้มกับเศษกระดูกที่คนบางคนโกงแผ่นดินแล้วโยนมาให้บ้าง







ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้มหาบุรุษท่านนี้กำลังจะไม่มีที่ให้อยู่ในแผ่นดินของท่านเอง ไม่น่าเชื่อเมื่อ60กว่าปีก่อนท่านและครอบครัวได้อพยพออกจากประเทศนี้ไปอยู่อย่างสงบอย่างต่างแดน แต่วันหนึ่งรัฐบาลก็ไปให้ท่านและครอบครัวมาทำงานให้กับประเทศนี้ มาวันนี้ท่านทำอะไรหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชน
า60กว่าปี ก็มีคนจะมาไล่ท่านผู้ซึ่งมีวัย84ปีให้ไปจากแผ่นดินนี้เสียให้ได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านไปทำอะไรให้กับคนเหล่านั้นได้เจ็บแค้นนักหนาถึงจะได้จองล้างจองผลาญท่านให้ย่อยยับให้ได้


จึงอยากทราบว่าในเมื่อเราไปให้ท่านมาทำงานให้ท่านก็ทำให้แล้วๆวันนี้จะให้ท่านซึ่งมีวัย84ปีแล้วไปอยู่ที่ไหนหรือพวกท่านถึงจะพอใจพี่น้องชาวไทยทั้งหลายเอ๋ย


บทบันทึกจาก คุณพุทธมนต์ คคนัมพร



วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

พระราชดำรัสของในหลวง ข้อคิดในการใช้ชีวิต



  1. อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้
  2. เมื่อมีคนเล่าว่าตัวเขามีส่วนในเหตุการณ์สำคัญอะไรก็ตาม เราไม่ต้องไปคุยทับ ปล่อยเขาฟุ้งไปตามสบาย
  3. รู้จักฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น
  4. หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่ริมทางเสียบ้าง
  5. จะคิดการใด จงคิดการให้ใหญ่ๆเข้าไว้ แต่เติมความสนุกสนานเข้าไปด้วยเล็กน้อย
  6. หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้
  7. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น
  8. เวลาเล่นเกมกับเด็กๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด
  9. ใครจะวิจารณ์เราอย่างไรก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้
  10. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”
  11. อย่าวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ
  12. ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว อะไรๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรกหรอก
  13. ใช้เวลาน้อยๆในการคิดว่า “ใคร” เป็นคนถูก แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า “อะไร” คือสิ่งที่ถูก
  14. เราไม่ได้ต่อสู้กับ “คนโหดร้าย” แต่เราต่อสู้กับ “ความโหดร้าย” ในตัวคน
  15. คิดให้รอบคอบ ก่อนจะให้เพื่อนต้องมีภาระในการรักษาความลับ
  16. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน
  17. เป็นคนถ่อมตน คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้ว ตั้งแต่เรายังไม่เกิด
  18. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้
  19. อย่าไปหวังเลยว่า ชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม
  20. อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นเขาเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามเราว่า “เป็นยังไงบ้างตอนนี้” ก็บอกเขาไปเลยว่า “สบายมาก”
  21. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมี มันก็วันละยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆกับที่หลุยส์ ปาสเตอร์ ไมเคิลแอนเจลโล แม่ชีเทราซา ลีโอนาร์โด ดาวินชี ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรือ อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์ เขามีนั่นเอง
  22. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวกลับไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว
  23. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตรฐานของคนอื่น
  24. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น
  25. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดีๆใหม่ๆ และยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ล้วนมาจากบุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น
  26. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น
  27. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานที่เขาทำนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด
  28. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ “กว้างขวาง” มากกว่าการมีชีวิตให้ “ยืนยาว”
  29. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ
By courtesy of Usa Simasathien


พระคุณของพ่อหลวงไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาทดแทนได้ในชาตินี้
พระองค์ทรงมีอำนาจมากมายในแผ่นดิน
แต่สิ่งที่พระองค์ทรงใช้ในพระราชอำนาจคือ...
นำมาใช้เพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทย ลูกของพระองค์ท่าน...
จะมีคนไทยกี่คนที่ได้มองเห็นถึงสิ่งนี้
จะมีคนไทยกี่คนที่ พยายามทดแทนบุญคุณของพระองค์ท่าน...
พ่อ ไม่เคยบอกให้เรารักพ่อ...
แต่พ่อทำให้เราเห็นว่า พ่อ รัก พวก เรา...

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

ความสุขของ พระมหากษัตริย์

ยังจำกันได้ไหม
5ปีที่ผ่านมาเราใส่ เสื้อเหลืองเราใส่ สาย รัดข้อมือสีเหลือง คนนับแสนนับล้าน ไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อจะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงไม่กี่นาที
วันนั้น 

ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราได้แสดงให้โลกได้เห็นว่ามีประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งที่คนทั้งชาติ
ยังซื่อ สัตย์ จงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีและพระมหากษัตริย์อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย
พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนักด้วยโรคหัวใจ

เพราะทรงงานนักเกิน ไปในขณะ เดียวกันสมเด็จพระราชชนนีก็ทรงพระประชวรหนัก อยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราชเช่น กัน




ยังจำกันได้ไหม29ปีที่ผ่านมา
19-20 พฤษภาคม 2535คนไทยฆ่ากันเองอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ในหลวงทรงเรียกให้แกนนำของทั้งสองฝ่ายเข้าเฝ้า ทุกสิ่งทุกอย่างยุติโดยพลัน โดยเฉพาะพระราชดำรัสที่ว่า ไม่มีใครชนะแต่เป็นประเทศที่แพ้ต่างหาก

38ปีที่ผ่านมา
วัน ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่เกิด วิกฤติด้านการเมืองรุนแรงที่สุด
วันนั้นนิสิตนักศึกษาและประชาชนนับหมื่นนับแสนเดินขบวน ประท้วงรัฐบาล เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้น ตำรวจทหารยิงประชาชน ในขณะที่นิสิตนัก ศึกษาก็เผาสถานที่ราชการเกิดกลียุคทุกหย่อมหญ้า คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกัน เอง
คืนนั้น สถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดจากพระราชวังสวน จิตรลดาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวทรงมีพระราชดำรัสกันคนไทยทุกคน ว่า "คนไทยจะฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องสงบโดยฉับ พลัน"





จนสร้างความสงสัยให้กับชาวต่างชาติว่า "เป็นไปได้อย่างไร ที่คนๆ เดียวจะมีอำนาจเหนือคนทั้ง ประเทศได้อย่างนั้น?"ทำให้คิดถึงประโยค ที่ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชฯ ได้ให้ สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ว่า พระองค์ทรงเป็น 'SOUL OF THE NATION' หรือ "จิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ"

ยังจำกันได้ไหม
เมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯปี2526 ขณะที่ใครหลายคนนับล้านกำลังพักผ่อนนอนหลังอย่างสบายๆบนเตียง กำลังพึ่งกลับจากเที่ยวราตรีอย่างสนุกสนาน แต่ในหลวงยังต้องตากฝนที่ตกพรำๆถือแผนที่ดูพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชนอยู่เลยตอนตี2
มาวันนี้น้ำก็ท่วมใหญ่ทั่วประเทศอีกแต่ในหลวงพระราชินีพระวรกายไม่แข็งแรงดังเดิมแล้ว ยังทรงรักษาพระอาการประชวรอยู่ แต่ก็ยังต้องทรงงานช่วยเหลือคนไทย คอยแนะนำการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เลย





แล้ววันนี้ตอนนี้พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เราสร้างค่านิยมผิดๆว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีเงินมากที่สุด โดยไม่สนใจที่มาของความรวยนั้น เรายอมรับคนโกงได้ถ้าเขาเอื้อประโยชน์ให้เรา เราโกงทุกครั้งที่มีโอกาส เราเรียก ร้องประชาธิปไตยโดยคิดถึงแต่ " สิทธิ" แต่ลืมคำว่า " หน้าที่" และไม่ยอมเคารพสิทธิของคนอื่น เราเรียกร้องให้คนอื่นฟังตนเองแต่ไมตัวเราไม่ยอมฟังความเห็นที่แตกต่าง
เรากำลังฆ่ากันเองทุกวันที่ภาคใต้และเราก็แบ่งสีแบ่งข้างและตีกันเองเมื่อช่วง2-3ปีที่ผ่านมา
เราสร้างกฎหมู่เหนือกฎหมายไม่ยอมรับกติกาบ้านเมืองถ้าศาลตัดสินเข้าประโยชน์เราๆว่ายุติธรรมแต่ถ้าเราไม่ได้ประโยชน์จากคำตัดสินนั้นเราว่าไม่ยุติธรรม?
เราเดินขบวนทุกครั้งที่เราไม่เห็นด้วย เราก้าวร้าวต่อกัน เราแตกแยกกันเพราะไม่ยอมรับฟังคนที่คิดเห็นต่างกับเรา
และทั้งโลกกำลัง จับตามองเราอยู่



เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า
พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวของเราจะทรงเสียพระทัย เพียงใด84 ชันษา ของ พระองค์ท่าน หากเปรียบ กับคนธรรมดาก็สมควรที่จะได้พักเต็มที่ ได้รับการดูแล และ ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก หรือกระทบกระเทือนใจ แต่ อย่างใด

แต่กลับ เป็นว่า ในปีที่ครบ 84 ชันษา ของ พระองค์ท่านยังต้องทรงงานอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ทรงต้องอยู่ภายใต้การถวาย การ ดูแลของคณะแพทย์ พระองค์ต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ พระองค์ไม่เคยเรียกร้องให้พวกเรารักพระองค์และครอบครัวแต่พระองค์เรียกร้องให้เรารู้รักษามัคคีกัน ช่วยเหลือกัน รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แม้จะมีคนว่ากล่าวให้ร้ายพระองค์และครอบครัวพระองค์ก็ไม่เคยมาตอบโต้ใดๆ ไม่ฟ้องร้องเป็นความกับพสกนิกรของพระองค์เอง

ความสุข ของพระมหากษัตริย์พระองค์ นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ ล้อมด้วยข้าราช บริพาร
หากแต่ ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ เมื่อ ประชาชนของพระองค์ท่านรักสามัคคี กัน รู้จักความพอเพียง และมีสติ- เพียงเท่านี้เอง

ในหลวงและครอบครัวของท่านทำอะไรให้กับคนไทยตั้งมากมายมากว่า60ปีแล้วจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ เราจะต้องให้ในหลวงกับครอบครัวท่านทำอะไรให้กับพวกเราอีกบ้างเราถึงจะพอใจกัน จะให้ท่านไปอยู่ที่ไหนคนบางกลุ่มบางพวกถึงจะพอใจทั้งที่ไม่รู้ว่าพวกคุณทำอะไรให้กับแผ่นดินไทยเท่าท่านบ้าง

วันนี้เรากำลังทำอะไรกัน ใช้ชีวิตกันอย่างฟุ่มเฟือย แสวงหาวัตถุไม่ว่าจะชอบไม่ชอบ สร้างค่านิยมผิดๆ ยกย่องคนคดโกง ทะเลาะกัน แย่งชิงอำนาจกัน เอาประชาชนเป็นเครื่องมือแสวหาอำนาจ มีคนจาบจ้วงท่านและครอบครัวเราก็นิ่งเฉย
หรือนี่คือการแสดงความกตัญญูต่อในหลวงของเรา





เรื่่องราวจากบันทึกของ คุณพุทธมนต์ คคนัมพร

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554



ครองแผ่นดินโดยธรรม

อัญเชิญพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

ทุกบ้านทุกถิ่น ภูเขาทุกดอยทุกดง
หุบเหวทุ่งนาไพรพง  ทุกเขื่อนคลองที่ทุกข์ทน
หากแผ่นดินนั้นเป็นไทย เสด็จไปถึงทุกชั้นชน
ดังสายฝนโปรยปรายให้คลายทุกข์เข็ญ
น้ำพระทัยกว้างใหญ่มหาศาล  ทรงงานมิเคยว่างเว้น
พระราชทานความร่มเย็น  ด้วยแนวคิดอันยั่งยืน

พระองค์ทรงเป็น ตาน้ำของแรงบันดาลใจ
ยามทุกข์ยามท้อเมื่อใด พระราชนิพนธ์สอนสั่ง
เมื่อตกลงไปในน้ำ อย่ามัวถามเมื่อไรจะถึงฝั่ง
จงว่ายไปด้วยพลัง ว่ายด้วยธรรมของความเพียร
แม้นยามใดบ้านเมืองจะมืดมน เหลือแต่หนทางเดินที่วนเวียน
พระราชดำรัสดังแสงเทียน ส่องให้เห็นถึงปลายทาง

ทุกย่านทุกหย่อมย่อมมีบ้างความแตกต่าง
ศาสนาพูดจาท่าทาง วัฒนธรรมท้องถิ่น
หลากหลายในชาติเชื้อพันธุ์ มารวมกันบนแผ่นผืนดิน
จงรักต่อพระภูมินทร์และแผ่นดินนี้
แม้ว่าความแตกต่างจะมากมาย แต่ในใจยังรักและสามัคคี
หนึ่งคำที่ทำให้คิดดี คือมีในหลวงองค์เดียวกัน

***ครองแล้วทรงครองแผ่นดิน ครองหัวใจไทยทั้งแผ่นดิน 
ธ ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจไทยทุกดวง 
เราผองคนไทยจึงมารวมกัน เปล่งเสียงจากใจถวายพระพร 
ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ



นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ 
จนถึงพุทธศักราช 2549 ในปัจจุบัน รวมระยะเวลา 60 ปี เพราะเหตุใดพระมหากษัตริย์พระองค์นี้
จึงเป็นที่รักใคร่แห่งปวงพสกนิกร
คำถามเช่นนี้มิยากนักที่จะหาคำตอบ เพียงแต่ท่านเดินออกไปนอกบ้าน แล้วถามใครสักคนที่ผ่านมา 

จะพบว่าพวกเขาหรือแม้แต่ตัวท่านเองมีคำตอบอยู่แล้วในใจและอยากพูดออกไป


"ท่านเป็นครู เป็นทุกอย่างของแผ่นดิน หากดิฉันทำการสนองพระราชดำริอันใดได้ก็จะปฏิบัติให้ได้เต็มที่
ต็มกำลัง" ซัลมา เซ็นหลวง อายุ 30 ปี อาชีพ ครูสอนเด็กเล็กอิสลาม ชุมชนมุสลิมบ้านป่า


"ยายขนลุกไปหมดเลย เมื่อรู้ว่าพระรูปนั้นเป็นในหลวง ปลื้มใจที่สุด คิดว่านี่เป็นบุญสูงสุดของเราแล้ว 
ที่ได้พบกับท่าน" นาง สุมน รามรสูตร อายุ 80 ปี บุคคลในภาพถ่าย (รูปในหลวงเสด็จบิณฑบาต)


นั่นคือส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของพสกนิกรได้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์ของพวกเขา


ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยกล่าวไว้ว่า “...ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่า
พระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใดที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าของให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆทรงครองแผ่นดิน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรงครองหัวใจคน...”






พระมหากษัตริย์องค์นี้จึงเป็นที่พึ่งให้กับพสกนิกรมากกว่า 60 ปี ตลอดระยะเวลาครองราชย์ที่ยาวนานที่สุดในโลก


"ถ้าประชาชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งประชาชนได้อย่างไร


นี่คือถ้อยคำที่พระองค์ตรัสตอบในพระราชหฤทัย เมื่อทรงได้ยินเสียงตะโกนแทรกท่ามกลางเสียงโห่ร้องถวายพระพรของกลุ่มพสกนิกร ผู้มารอเฝ้าฯรับเสด็จขณะเสด็จนิวัตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า "ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน"
พระองค์มิทรงนึกตอบแต่เพียงในพระราชหฤทัยเท่านั้น การปฏิบัติของพระองค์เป็นตัวอย่างอันดียิ่งสำหรับนำไปปฏิบัติตา
ม 


ดังเช่นเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ท่านได้พระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาด้วยปรัชญาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาดังกล่าวเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตโดยมีความพอประมาณอย่างมีเหตุผล ยึดทางสายกลาง และแนวคิดนี้สามารถใช้ได้กับทุกคนทุกฝ่าย ดังพระบรมราโชวาทที่พระองค์พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยในตอนหนึ่งที่ว่า... 
"...การที่จะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าเรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน..."






แม้พระองค์จะทรงมีฐานะอยู่เหนือการเมืองและทรงเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของไทย 
ตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อกฎหมายต่างๆที่ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว 
พระองค์ก็จะมีพระราชวินิจฉัยก่อนที่จะลงพระปรมาภิไธย ในยามที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่มีการปะทะกัน มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต และแม้แต่วิกฤติขัดแย้งในช่วงปัจจุบันขณะ สถานการณ์คลี่คลายลงได้ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
ผลแห่งการปฏิบัติที่ลุเข้าสู่ปีที่ 60 คงจะพอตอบคำถามหากผู้ใดนึกคิดสงสัยว่าเหตุใด และเหตุใด "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
"





ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปวงพสกนิกรทั้งหลายขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านานเทอญ 
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


เรื่องราวและรูปภาพ จากบันทึกของคุณพุทธมนต์ คคนัมพร